ระบบการผลิตรังไหมคุณภาพสูง

ประเภทของนวัตกรรม/เทคโนโลยีพร้อมใช้ที่เหมาะสม

กลุ่มของนวัตกรรม/เทคโนโลยีพร้อมใช้ที่เหมาะสม

การเกษตร/อุปกรณ์ทางการเกษตร

อ้างอิงนวัตกรรม

-

องค์ความรู้/เทคโนโลยี

องค์ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมไข่ไหม
องค์ความรู้เกี่ยวกับสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของหนอนไหม
องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบการเลี้ยงหนอนไหม
องค์ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายมูลไหม
องค์ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมหนอนไหมเข้าสู่การเป็นรังไหม

อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรม/เทคโนโลยีพร้อมใช้ที่เหมาะสม

การจัดการภายในโรงเรือนเพื่อให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตแต่ละช่วงวัยของหนอนไหมเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งส่งผลต่อเปอร์เซ็นต์เปลือกรังไหม ระยะเวลาในการเลี้ยง และอัตราการตาย เริ่มจากการจําลองสถานการณ์ (Simulation) ด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อศึกษาระบบทำงานและให้มั่นใจว่า การออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ จะช่วยให้สามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศได้

ผ้าไหมมีจุดเริ่มต้นจากการเปลี่ยนรังไหมให้เป็นเส้นไหมเรียกว่า การสาวไหม จากนั้นนำเส้นไหมดังกล่าวขึ้นรูปให้เป็นผืนด้วยการถักทอและตับเย็บตามรูปแบบที่ต้องการ ปริมาณเส้นไหมจะขึ้นอยู่กับคุณภาพรังไหม หากเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมสามารถผลิตรังไหมที่มีคุณภาพจะทำให้ได้ปริมาณเส้นไหมเพิ่มขึ้น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รังไหมมีคุณภาพประกอบไปด้วย อาหาร (ใบหม่อน) สิ่งแวดล้อมและการจัดการภายในโรงเรือน เป็นต้น “ระบบการผลิตรังไหมคุณภาพสูง” ถูกออกแบบให้ 1) สามารถควบคุมสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรือน ได้แก่อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตแต่ละช่วงวัย นั้นคือ วัยที่ 1 – 3 หนอนไหมต้องการความร้อน มีอุณหภูมิ 27 – 29 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ 80 – 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าหนอนไหมวัยที่ 4 – 5 ที่ต้องการความเย็น อุณหภูมิอยู่ในช่วง 25 – 27 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ 70 – 80 เปอร์เซ็นต์ หลักการทำงานเริ่มจากการปล่อยน้ำด้วยสปริงเกอร์บนหลังคาแบบระบบน้ำหมุนเวียนเพื่อลดอุณหภูมิ ในขณะเดียวกันระบบจะพ่นละอองน้ำที่ถูกติดตั้งไว้ด้านข้าง และใช้พัดลมดูดอากาศเย็นเข้าด้านในและดูดอากาศร้อนออกภายนอก 2) สามารถป้องกันศัตรู ซึ่งได้แก่ มด หนู แมลงวัน ฯลฯ โดยประกอบด้วยผนัง 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 คือเหล็กตาข่ายกั้นเป็นผนังเพื่อความแข็งแรง ชั้นที่ 2 คือมุ้งไนล่อนเพื่อป้องกันสัตว์ปีกขนาดเล็ก ชั้นที่ 3 คือผ้าใบสำหรับป้องกันแสง ลม และน้ำ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันสัตว์เลื้อยคลานจึงออกแบบให้มีการก่อผนังทึบ ความสูงจากพื้น 30 เซนติเมตร รวมถึงชั้นวางสำหรับพื้นที่ในการเลี้ยงหนอนไหม ซึ่งถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นชั้น แต่ละชั้นมีโครงสร้างหลักทำจากวัสดุ 3 ชนิด คือ เหล็ก ไม้ และท่อ PVC ซึ่งมีข้อเด่นแตกต่างกัน และสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายวัสดุก่อสร้างในท้องถิ่น และใช้ตาข่ายพลาสติกเป็นวัสดุพื้นและผนัง ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย ถ่ายเทอากาศได้ดี ช่วยลดการเกิดโรคต่างๆ ได้

จุดเด่น

1. ระบบควบคุมการทำงานกึ่งอัตโนมัติ
2. สามารถปรับอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตทุกช่วงวัย
3. ป้องกันศัตรู ซึ่งได้แก่ มด หนู แมลงวัน สัตว์เลื้อยคลาน ฯลฯ
4. เปอร์เซ็นต์เปลือกรังไหมเพิ่มขึ้นจากเดิม 12 เปอร์เซ็นต์ เป็น 20 เปอร์เซ็นต์
5. เวลาในการเลี้ยงไหมลดลงจากเดิม 30 วัน เหลือ 23 วัน
6. อัตราการตายลดลง

เงื่อนไขการใช้เทคโนโลยี

1. ควรมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์เป็นประจำ สม่ำเสมอ
2. ค่าใช้จ่าย (ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำ)

ต้นทุนการใช้นวัตกรรม/เทคโนโลยีพร้อมใช้

10,000.00 บาท

รูปภาพ